ฉางอัน ออโตโมบิล เผยผลการดำเนินงานดีเยี่ยมเติบโตตามกระแสอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนแม้ทั่วโลกซบเซา
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และการขาดแคลนชิ้นส่วนได้ทำให้อุตสาหกรรมและตลาดยานยนต์ทั่วโลกตกอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายที่กำลังดิ่งลงเช่นเดียวกัน ผลกระทบใหญ่ที่ตามมาคือธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกเริ่มเติบโตช้าหรือหดตัว อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่สำหรับธุรกิจยานยนต์ กลับเติบโตสวนกระแสโลก ซึ่งอันที่จริงแล้ว แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในธุรกิจนี้ เพราะยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของแบรนด์ ในการเป็นผู้นำวิวัฒนาการยานยนต์และสร้างผลที่ดีสู่มนุษย์ ตลอดจนวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจยานยนต์ระดับโลก ฉางอัน ออโตโมบิล ได้เผยแพร่ผลการดำเนินงานระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมปีนี้อย่าง
เป็นทางการ โดยมียอดขายสะสมกว่า 1.2 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 38.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในสัดส่วนนี้รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลที่มีการแข่งขันสูง มียอดขายสะสมตลอดแปดเดือนกว่า 800,000 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 49.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมนี้ เป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติงานอย่างแข็งขันในกลุ่มรถยนต์หลักหลายตระกูล ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาจากหลักคุณค่าของแบรนด์ทั้งสี่ประการได้แก่ 1) ยึดถือลูกค้าเป็นหัวใจหลัก และมุ่งส่งมอบประสบการณ์และบริการระดับแนวหน้า 2) ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ มุ่งเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและผลิตรถยนต์คลาสสิก 3) เน้นคุณค่า ก้าวไปข้างหน้าด้วยข้อมูล ประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรม 4) ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพเพื่อสะท้อนถึงพลัง เน้นความเป็นเลิศ ในเดือนสิงหาคม สัดส่วนยอดขายรถยนต์แฟลกชิปของฉางอัน SUV CS75 มีจำนวน 15,530 คัน โดยในส่วนนี้รวมรุ่น CS75 PLUS ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวได้ไม่ถึงสองปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มียอดขายสะสมอยู่กว่า 400,000 คัน ในด้านรถยนต์โดยสารส่วนบุคคล ยอดขายของรถยนต์รุ่น EADO ในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 12,876 คัน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 14 เดือน นอกจากนี้ ยอดขายของรถยนต์
ตระกูล UNI ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อยู่ที่ 8,803 คันในเดือนสิงหาคมเช่นเดียวกัน
ฉางอัน ออโตโมบิล ถือเป็นหนึ่งในสี่ธุรกิจยานยนต์ชั้นนำของประเทศจีน ที่มีประวัติยาวนานกว่า 159 ปี และมีประสบการณ์ในการผลิตยานพาหนะมากว่า 37 ปี บริษัทฯมีฐานการผลิตทั้งหมด 14 แห่ง และมี 33 แห่งทั่วโลกที่ใช้สำหรับผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วน ในปี 2014 ยอดขายสะสมรถยนต์ของ ฉางอัน ออโตโมบิล สูงถึง 10 ล้านคัน และในปี 2021 ยอดขายสะสมนี้ได้ทะลุกว่า 20 ล้านคันแล้ว
ฉางอัน ออโตโมบิล มีบุคคลากรด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 10,000 คนจาก 27 ประเทศทั่วโลก พร้อมปฏิบัติการอยู่ที่แนวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สร้างเครือค่ายการวิจัยและพัฒนาทั่วโลกโดยเน้นความสำคัญในหลายด้าน เพื่อเชื่อมศูนย์วิจัยจากฉงชิ่ง ปักกิ่ง มณฑลเหอเป่ย และมณฑลอานฮุยในจีนเข้าด้วยกัน รวมถึงเมืองตูรินในอิตาลี เมืองโยโกฮาม่าในญี่ปุ่น เมืองนอตทิงแฮมในสหราชอาณาจักร เมืองดีทรอยต์ในสหรัฐอเมริกา และ เมืองมิวนิคในเยอรมนี เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันที่ผลิตจะตอบสนองต่อความต้องการและความปรารถนาของผู้บริโภคที่จะได้ครอบครองรถยนต์ที่วิ่งได้กว่า 260,000 กิโลเมตร และมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี เพราะเหตุนี้ ฉางอัน ออโตโมบิล จึงได้สร้างระบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และระบบตรวจสอบ
การทดสอบขึ้นอีกด้วย
ในปี 2017 ฉางอัน ออโตโมบิล ได้เปิดตัวโครงการพัฒนานวัตกรรมและการร่วมทุนทางธุรกิจครั้งที่สาม (Third Breakthrough-Innovation and Business Venture Program) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายศักยภาพด้านซอฟต์แวร์ ที่จะช่วยเสริมขีดความสามารถหลักทางการแข่งขัน และปรับเปลี่ยนบริษัทฯ ให้เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะแบบคาร์บอนต่ำ
นอกจากนี้ ฉางอัน ออโตโมบิล ยังเปิดตัวรถยนต์รุ่นขายดี ซึ่งรวมถึงรุ่น CS รุ่น EADO รุ่น UNI-T และอีกมากมาย ในส่วนของเทคโนโลยีอัจฉริยะ ฉางอัน ออโตโมบิล ได้เปิดตัวกลยุทธ์อัจฉริยะ “Dubhe Intelligence Plan” เพื่อส่งมอบประสบการณ์การสื่อสารไร้สายแบบอัจฉริยะ ปลอดภัย น่าพึงพอใจ มีความใกล้ชิด และการได้รับความสบายใจตลอดการเดินทางอันรื่นรมย์ให้แก่ผู้ใช้งาน ด้วยการดำเนินงานภายใต้แผน “4+1” บริษัทฯ จะประชาสัมพันธ์ถึงคุณสมบัติความอัจฉริยะต่างๆ ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ การปรับแผนงานต่างๆ ตลอดจนการอัพเกรดผลิตภัณฑ์ ในด้านของยานยนต์พลังงานใหม่ ฉางอัน ออโตโมบิล ได้นำเสนอแผนการเชิงกลยุทธ์ “Shangri-La Plan” เพราะบริษัทฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะยุติการขายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม และเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมกลุ่มสินค้าทั้งหมดภายในปี 2025
สุดท้ายนี้ ฉางอัน ออโตโมบิล มีความมุ่งมั่นที่จะขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีระบบนิเวศน์รองรับในทุกด้าน และจะไม่หยุดยั้งการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพชั้นสูง ตลอดจนมีคุณสมบัติการใช้งานที่ครบถ้วนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภค