โดยปกติการใช้รถบนท้องถนนเราส่วนใหญ่เรามักใช้สัญญาณไฟที่ติดตั้งมากับรถเป็นหลัก ซึ่งบางครั้งเราอาจจะได้ความใจดีต่อเพื่อร่วมทางให้เราให้เราเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน แต่ส่วนใหญ่ที่ต้องยอมรับคือเรามักเจอกับการเร่งเครื่องปิดช่องทาง เหมือนเห็นไฟเลี้ยวแล้วคันเร่งหนักขึ้น จริงๆ แล้วการให้สัญญาณจราจรไม่ใช่มีแค่ไฟเลี้ยวเท่านั้นการใช้สัญญาณมือก็มีความสำคัญเช่นกัน เรามาดูกันว่าการใช้สัญญาณมือในการขับรถควรใช้ตอนไหนบ้าง
สัญญาณมือ อาจใช้สัญญาณมือในบางโอกาสแต่ก็ไม่บ่อยมากนัก เช่น เป็นคนแรกที่ขับรถยนต์มาหยุดที่ทางม้าลาย อาจใช้สัญญาณมือช่วยเตือนรถยนต์คันหลังในขณะที่ชะลอความเร็วหรือหยุด และยังแสดงให้ผู้เดินข้ามถนนทราบอีกด้วย
การเลี้ยวขวา อาจใช้สัญญาณมือช่วยถ้าจำเป็นต้องเน้นให้ผู้ขับขี่คนอื่นทราบ ในบริเวณที่ยากต่อการเลี้ยวหรือต้องการเลี้ยวขวาหลังจากแซงผ่านรถยนต์คันอื่นที่จอดอยู่กับที่
การจอดรถ ให้ใช้มือโบกช้าๆ เพื่อให้รถคันหลังทราบได้ว่าเราต้องการจอดรถ ซึ่งถ้ามีพื้นที่เพียงพอรถคันหลังจะเข้าใจได้ว่าต้องขับแซง หรือต้องจอดรอให้เราจอดรถเสร็จ
การให้ทาง ในการสัญจรในทางแคบหรือมีรถจอดริมทางจนทำให้ถนนจากสองเลนกลายเป็นเลยเดียว การโบกมือกรือกวักมือเพื่อให้ทางนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้รถที่อยู่ฝั่งตรงข้างรู้เจตนาว่าเราให้ทางเพื่อให้เขามาก่อน หรือในทางกลับกันการยกมือค้างไว้เหมือนเป็นสัญญาณการขอทางเพื่อให้เราเคลื่อนตัวก่อน ทั้งนี้การให้สัญญาณมือทั้งสองรูปแบบนี้ต้องดูความเหมาะสมด้วยว่ามีรถตามมามากน้อยขนาดไหน
ในการให้สัญญาณจราจรเราไม่ควรให้สัญญาณจราจรล่วงหน้านานเกินไป อาจก่อให้เกิดความสับสนได้เช่นกัน ในกรณีที่มีถนนแยกหลายสายใกล้ๆ กัน อจาทำให้ผู้ขับตามมาสับสนได้ แล้วก็ไม่ควรให้สัญญาณจราจรช้าเกินไปเช่นกัน เพราะอาจทำให้ผู้ขับขี่รถคันที่ตามมาต้องเบรกอย่างกะทันหันซึ่งอาจทำให้ดกิดอุบัติเหตุได้