มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2565 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2565 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565
มร.ยามาชิตะ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่อยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลน เซมิคอนดัคเตอร์ ที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลโดยตรงต่อยอดการผลิตและต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมทั้งแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวสูงขึ้นและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม
อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และการดำเนินมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงสัดส่วนของการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบเป็นปกติ ล้วนเป็นส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่ผ่านมา ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ล้วนมีส่วนผลักดันตลาดรถยนต์โดยรวมให้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ
ม.ค. – มิ.ย. 2565 |
ยอดขายปี 2565 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการขายรวม | 427,303 คัน | +14.5 % |
รถยนต์นั่ง | 135,900 คัน | +12.9 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 291,403 คัน | +15.3 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 227,842 คัน | +15.7 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 198,256 คัน | +17.3 % |
“สำหรับผลการดำเนินงานของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 21.2% หรือ คิดเป็นจำนวน 142,032 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 33.2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เราสามารถกลับมาดำเนินการผลิตและส่งมอบรถให้ลูกค้าได้มากขึ้นภายหลังจากที่ได้มีมาตรการผ่อนคลายการล็อคดาวน์ ตลอดจนความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้น และความสำเร็จจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อช่วงต้นปีในรุ่น Toyota Veloz ที่มียอดขายเฉลี่ยกว่า 1,000 คันต่อเดือน ทำให้โตโยต้าสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้ทั้ง ตลาดรถอีโคคาร์ และ ตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลาง”
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า
ม.ค. – มิ.ย. 2565 |
ยอดขายปี 2565 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2564 |
ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายรวม | 142,032 คัน | +21.2 % | 33.2 % |
รถยนต์นั่ง | 38,894 คัน | +30.9 % | 28.6 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 103,138 คัน | +17.9 % | 35.4 % |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 89,232 คัน | +20.4 % | 39.2 % |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 75,766 คัน | +22.5 % | 38.2 % |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2565 มร.ยามาชิตะคาดการณ์ว่า “จากมาตรการผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น และจะส่งผลบวกต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2565 จะอยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2565 | ยอดขาย
ประมาณการปี 2565 |
เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการขายรวม | 880,000 คัน | +16 % |
รถยนต์นั่ง | 290,500 คัน | +15 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 589,500 คัน | +16 % |
มร.ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า เรามีเป้าหมายการขายในปี 2565 อยู่ที่ 290,000 คัน เพิ่มขึ้น 21 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 33% โดยเราเชื่อมั่นว่าแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงแนวทางในการทำกิจกรรมทางการตลาดและการบริการที่เราพยายามมุ่งเน้นให้สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าโตโยต้าได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จะมีส่วนช่วยให้เราได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากลูกค้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของเราได้เป็นผลสำเร็จ”
สำหรับปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 179,730 คัน เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 308,734 คัน เพิ่มขึ้น 19.5% จากปีที่แล้ว
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้า ม.ค. – มิ.ย. ปี 2565 |
ปริมาณปี 2565 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการส่งออก | 179,730 คัน | +24.4% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 308,734 คัน | +19.5% |
ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 380,000 คัน เพิ่มขึ้น 29.8 % จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยอยู่ที่ระดับ 659,400 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28.3 % จากปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้าปี 2565 |
ปริมาณปี 2565 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2564 |
ปริมาณการส่งออก | 380,000 คัน | +29.8 % |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 659,400 คัน | +28.3 % |
มร.ยามาชิตะ ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า “ตามที่โตโยต้าได้มีการประกาศเจตนารมณ์ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ว่าปีนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่โตโยต้าครบรอบ 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและเติบโตเคียงคู่ไปกับสังคมไทย ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่กับการเป็น “ผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม” โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เราได้มีการดำเนินงานตามแนวทางพันธกิจใหม่ของเราในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งมอบความสุขให้แก่คนไทย
ในด้านผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับลูกค้า เราได้มีการเปิดตัวโครงการ TOYOTA ALIVE ที่เป็นจุดศูนย์รวมประสบการณ์แห่งความสุข ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและบริการต่างๆของโตโยต้าได้อย่างครบวงจร เป็นแหล่งรวมกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ร่วมกับลูกค้าให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อนำเสนอการให้บริการในรูปแบบต่างๆแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยี Connected มาใช้ผ่าน Digital Platform เพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในทุกด้าน ในรูปแบบของ “Mobility as a Service” – MaaS ให้กับลูกค้า และนำเสนอเป็นบริการเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน อาทิ ความปลอดภัย ประหยัด สะดวกสบาย และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
ในด้านสังคม โตโยต้ามุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ตลอดจนความพยายามมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญของกลุ่มโตโยต้าทั่วโลก ผ่านการดำเนินกิจกรรมในด้านต่างๆ อาทิ เช่น โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะร่วมกับเมืองพัทยา ซึ่งโตโยต้าได้มีการนำรถยนต์พลังงานสะอาดทุกรูปแบบไปทดลองให้บริการเพื่อตอบสนองการเดินทางที่มีความหลากหลายแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา และมีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งขยายผลการดำเนินงานของโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในการเปิดศูนย์การเรียนรู้แห่งที่ 3 ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปรับปรุงธุรกิจแก่วิสาหกิจชุมชนในภาคเหนือ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” ในการพัฒนาความรู้ ทักษะ และศักยภาพ ให้แก่บรรดาบุคลากรต่างๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ตลอดจนการกิจกรรมยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนของโครงการ “โตโยต้า ถนนสีขาว” กับแผนการลดอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยปรับปรุงจุดเสี่ยงจำนวน 60 จุด ทั่วประเทศ เป็นต้น”
- ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2565
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 67,952 คัน เพิ่มขึ้น 6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,026 คัน ลดลง 5.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,815 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,598 คัน ลดลง 13%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,884 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 2,518 คัน ลดลง 60.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,068 คัน ลดลง 34.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 48,354 คัน เพิ่มขึ้น 9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,142 คัน ลดลง 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 5.7%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 37,619 คัน เพิ่มขึ้น 13.4%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,640 คัน เพิ่มขึ้น 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 49.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,629 คัน ลดลง 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,186 คัน
อีซูซุ 1,564 คัน – โตโยต้า 1,454 คัน – มิตซูบิชิ 671 คัน – ฟอร์ด 396 คัน – นิสสัน 101 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,433 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,076 คัน เพิ่มขึ้น 49.5% ส่วนแบ่งตลาด 51.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,175 คัน ลดลง 12.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,360 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2565
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 142,032 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,889 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 40,161 คัน ลดลง 6.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 135,900 คัน เพิ่มขึ้น 12.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 38,894 คัน เพิ่มขึ้น 30.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 29,574 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 12,111 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 291,403 คัน เพิ่มขึ้น 15.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 109,889 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 103,138 คัน เพิ่มขึ้น 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,292 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด 5.6%
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 227,842 คัน เพิ่มขึ้น 15.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 101,439 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 89,232 คัน เพิ่มขึ้น 20.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,168 คัน เพิ่มขึ้น 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 29,586 คัน
โตโยต้า 13,466 คัน – อีซูซุ 9,095 คัน – มิตซูบิชิ 4,154 คัน – ฟอร์ด 2,246 คัน – นิสสัน 625 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 198,256 คัน เพิ่มขึ้น 17.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 92,344 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด 46.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 75,766 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 12,655 คัน ลดลง 8.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%