BMW XM ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับขุมกำลังปลั๊กอินไฮบริดที่มีกำลังกว่า 644 แรงม้า โดยเป็นรถสมรรถนะสูงระดับเดียวกับรถ M รุ่นต่างๆ ที่มีเลขตัวเดียวต่อท้ายอย่าง M2, M3, M4 และ M5 จึงทำให้เป็นรถ M รุ่นแรกที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้า
หัวใจความแรงของ BMW XM คือเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ 489 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ผสานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังรวม 653 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร โดยใช้เกียร์ M Steptronic 8 สปีดส่งกำลังสู่ทุกล้อผ่านระบบขับเคลื่อน M xDrive
รถซูเปอร์เอสยูวีจากค่ายกังหันฟ้า-ขาวใช้เวลา 4.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 250 กม./ชม. แต่หากใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าความเร็วสูงสุดจะลดลงเหลือ 140 กม./ชม. ในขณะที่แบตเตอรีลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้พื้นรถมีความจุ 29.5 kWh ให้ระยะการเดินทางได้ถึง 88 กิโลเมตร โดยแบตเตอรีรองรับการชาร์จไฟได้ 7.4 kW ทำให้ใช้เวลา 4.25 ชั่วโมงเพื่อชาร์จไฟจาก 0-100 เปอร์เซ็นต์
XM ถูกระบุว่าสร้างสรรค์ด้วยภาษาการออกแบบที่ให้ความล้ำหน้าพร้อมเส้นสายที่มีพลัง รวมทั้งให้ความรู้สึกถึงความแกร่งของรถรุ่น X จากBMW นอกจากจากนี้ยังให้ความพรีเมียมด้วยด้านหน้ารถที่มีไฟหน้าแบบแยกเหมือนรถรุ่นท็อปอย่าง 7 Series และ X7 รวมทั้งถูกเพิ่มความเด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่มีไฟสว่าง และใช้สีทองแต่งทั้งที่กรอบกระจังหน้า ด้านข้าง และด้านหลังของรถที่มีไฟท้ายทรงเเรียว รวมทั้งที่ล้อมาตรฐานขนาด 21 นิ้วที่มาพร้อมกับรถ
ห้องโดยสารของรถถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์โดยมีค็อกพิตที่เน้นไปที่ผู้ขับ โดยมีอุปกรร์มาตรฐานทั้งเบาะนั่งมัลติฟังก์ชัน M และเบาะหลัง M Lounge รวมไปถึงระบบปรับความอุ่นยังขยายพื้นที่จากเบาะไปที่ด้านข้างของรถ และเพิ่มความพิเศษด้วยบุเพดานลายปริซึม 3 มิติ
ส่วนการแต่งที่ส่วนบนของแผงแดชบอร์ดและแผงประตูมีให้เลือก 4 แบบรวมทั้งการใช้หนัง Vintage ใหม่ นอกจากนี้ยังมีระบบปรับอากาศ 4 โซน และระบบเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนจอแสดงข้อมูลผู้ขับมีขนาด 12.3 นิ้ว ในขณะที่จอระบบ Infotainment และควบคุมระบบต่างๆ ของรถมีขนาด 14.9 นิ้ว
ทาง BMW ยังไม่เปิดเผยราคาของ XMออกมา ในขณะที่การผลิตรถจะเริ่มเดือนธันวาคม 2022 นี้สำหรับการขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า โดยมีตลาดหลักที่อเมริกา จีน และตะวันออกกลาง
