สปอร์ตรุ่นตำนาน รำลึกถึงชัยชนะ Paris-Dakar Rally สู่ถนนจริง โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ย้อนยุค ส่งตรงจากโรงงาน
ปอร์เช่ 911 ดาการ์ ใหม่ มอบความตื่นเต้นเร้าใจบนเส้นทางออฟโรด รถยนต์รุ่นเอ็กซ์คลูซีฟที่ผลิตในจำนวนเพียง 2,500 คันทั่วโลก เผยให้เห็นถึงแนวคิดของปอร์เช่ 911 ที่ไม่มีขีดจำกัดใดๆ และรำลึกถึงชัยชนะครั้งแรกของปอร์เช่ในการแข่งขัน Paris-Dakar Rally ในปี 1984 สำหรับ 911 ดาการ์ โดดเด่นด้วยความสูงของรถ ซึ่งสูงกว่ารุ่น 911 Carrera ที่มีระบบช่วงล่างกันสะเทือนแบบสปอร์ตถึง 50 มิลลิเมตร
ด้วยแพลตฟอร์มยกสูง และระบบบังคับเลี้ยวเพลาล้อหลัง แท่นเครื่องยนต์ที่เน้นสมรรถนะเป็นพิเศษจาก 911 GT3 และระบบป้องกันแรงสั่นไหว PDCC มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดสูงสุดด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 2 โหมด โหมดแรลลี่ และ โหมดออฟโรด และยังตอกย้ำความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีท เสริมความโดดเด่นด้วยลวดลายบนตัวถังที่มีแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันจากรายการ East African Safari Rally ปี 1974 พร้อมตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บริเวณชายล่างของประตูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
Porsche 911 Dakar ส่งตรงจากโรงงานประเทศเยอรมนี ถึงมือลูกค้าท่านแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้ การนำเข้าของ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย รถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการปอร์เช่ สาขาพัฒนาการ เมื่อวันก่อน
ความโดดเด่นกับการออกแบบ 911 แบบ ออฟโรด
สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือความสูงจากพื้นรถของ 911 Dakar ซึ่งสูงกว่า 911 Carrera ที่ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตอยู่ 50 มิลลิเมตร นอกจากนี้ระบบยกแบบมาตรฐานยังช่วยเพิ่มความสูงได้อีก 30 มม. ระยะห่างจากพื้นและมุมลาดเทียบได้กับรถ SUV ทั่วไป ระบบลิฟต์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ข้ามสิ่งกีดขวางด้วยความเร็วต่ำเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญของระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ การตั้งค่า “ระดับสูง” มีให้สำหรับการผจญภัยแบบออฟโรดที่ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. เมื่อวิ่งในความเร็วที่สูงกว่านั้น รถจะลดระดับลงสู่ระดับปกติโดยอัตโนมัติ
คุณลักษณะพิเศษเพิ่มเติมของ 911 ดาการ์ ได้แก่ สปอยเลอร์หลังน้ำหนักเบาแบบคงที่ที่พัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งผลิตจาก CFRP และฝากระโปรงหน้าห้องเก็บสัมภาระ CFRP พร้อมช่องระบายอากาศที่โดดเด่นซึ่งนำมาจาก 911 GT3 นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานแบบออฟโรดเช่น ห่วงลากอลูมิเนียมสีแดงที่ด้านหน้าและด้านหลัง ล้อและธรณีประตูที่กว้างขึ้น สแตนเลสที่ธรณีประตูด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ช่องรับอากาศด้านข้างที่ส่วนหน้าที่ออกแบบใหม่ กระจังหน้าสแตนเลส พลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่ง CFRP กระจกน้ำหนักเบา และแบตเตอรี่น้ำหนักเบาช่วยลดน้ำหนักได้มากขึ้น ทำให้ปอร์เช่ 911 ดาการ์มีน้ำหนักเพียง 1,605 กก. ซึ่งหนักกว่า 911 คาร์เรร่า 4 เพียง 10 กก.
พลกำลังของ 911 Dakar
เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร (911 ดาการ์: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง* เมื่อรวมกัน (WLTP) 11.3 ลิตร/100 กม. การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อรวมกัน (WLTP) /256 กรัม/กม.) เครื่องยนต์ 6 สูบ biturbo ที่มีกำลัง 353 กิโลวัตต์ (480 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุดที่ 570 นิวตันเมตรมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าพร้อมเสียงที่น่าดึงดูด สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุดได้ที่ 240 กม./ชม. (จำกัดด้วยยางสำหรับทุกพื้นที่) ระบบส่งกำลังในรถสปอร์ตขับเคลื่อนสี่ล้อนั้นมาจาก PDK 8 สปีด
โหมดการขับขี่ใหม่และระบบควบคุมการออกตัวแบบแรลลี่
อุปกรณ์มาตรฐานยังรวมถึงระบบบังคับเลี้ยวเพลาล้อหลัง แท่นเครื่องยนต์ที่เน้นสมรรถนะเป็นพิเศษจาก 911 มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดสูงสุดด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 2 โหมด (นอกเหนือจากโหมดปกติ WET Mode และสปอร์ต) ซึ่งสามารถเลือกได้โดยใช้ปุ่มหมุนบนพวงมาลัย โหมดแรลลี่เหมาะสำหรับพื้นผิวที่ไม่ใช่ทางเรียบ และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โหมดออฟโรดจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อยกระดับความสูงขึ้นและมีเอฟเฟกต์การล็อกเฟืองท้ายที่แข็งขึ้นอย่างมาก โฟกัสไปที่แรงฉุดลากสูงสุดในเนินทรายหรือบนพื้นแข็งที่ไม่เรียบ โหมดการขับขี่ใหม่ทั้งสองโหมดยังมี Rallye Launch Control ใหม่ซึ่งช่วยในการขับขี่แบบออฟโรดที่มีการหมุนตัวฟรีของล้อมากกว่า หรือเท่ากับ 20%
Porsche นำเสนอชุดแต่ง 3 แบบสุดพิเศษพร้อมดีไซน์แรลลี่ของปี 1970 สำหรับ 911 Dakar
Wraps ตกแต่งตัวถังปอร์เช่ 911 Dakar ด้วยดีไซน์ย้อนยุค ของประวัติศาสตร์การแข่ง แรลลี่ยุค 90
การแข่งขันแรลลี่ปี 1971: อันดับ 5 หลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 911 ของ 2 นักแข่งชาวโปแลนด์
การแข่งขันแรลลี่สุดยิ่งใหญ่ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องฝ่าฟันเส้นทางทุรกันดารเป็นระยะทางมากกว่า 5,000 กิโลเมตร ผ่านทุ่งหญ้าสะวันนา (savanna) ป่าละเมาะกลางทะเลทราย และเทือกเขาสูงชัน ของประเทศเคนยา ที่สุด ซึ่งปอร์เช่ส่งทีมแข่งเข้าร่วมประลองฝีมือ และความแข็งแกร่งเป็นครั้งแรกในปี 1971 โดยรถแข่งปอร์เช่ 911 S ที่ผ่านการปรับแต่งเพื่อการแข่งขัน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่ง decal สีดำบริเวณฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อ และบานประตู ซึ่งชุดตกแต่ง Rallye 1971 decal นี้ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับปอร์เช่ 911 Dakar มาพร้อมหมายเลข 19 โดยเจ้าของความสำเร็จสูงสุดคือการคว้าอันดับที่ 5 มาครอบครองได้เมื่อปี 1971 จากการขับขี่ของ 2 สหายนักแข่งชาวโปแลนด์ Sobiesław Zasada และ Marian Bień จำหน่ายราคาเริ่มต้น 410,000 บาท
การแข่งขันแรลลี่ปี 1974: หัวใจนักสู้อันแข็งแกร่งของ Björn Waldegård
รายการแข่งขัน East African Safari Rally ประกอบด้วย stages การทดสอบระยะยาวในปี 1974 โดยการแข่งขันถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตั้งแต่ระยะทาง 1,450 จนถึง 2,019 กิโลเมตร ซึ่งแต่ละทีมจะต้องแข่งขันให้จบภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน จากรถที่ลงแข่งทั้งหมด 99 คัน และมีเพียง 16 คันเท่านั้น ที่สามารถวิ่งเข้าเส้นชัย โดยนักแข่งชาวสวีเดน Björn Waldegård เป็นผู้คว้าแชมป์ 2 สมัยในรายการ Rallye Monte Carlo ด้วยรถแข่งปอร์เช่ ซึ่งเค้าสามารถขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่เริ่มต้น การลงแข่งขันดังกล่าวได้ร่วมทีมกับ Hans Thorszelius ผู้รับหน้าที่ co-driver หลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 911 Carrera 2.7 RS และออกสตาร์ทช่วงที่ 3 เป็นอันดับ 2 ด้วยเอกลักษณ์ของ decals บนตัวรถมาจากลายคาดสีน้ำเงินของผู้สนับสนุนหลัก วางตัวตามแนวโค้งตัดกับสีขาวของตัวถัง สิ่งที่แตกต่างจากต้นฉบับคือแถบของลายคาดที่เล็กลง และเสริมความโดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บริเวณชายล่างของประตู ชุดตกแต่ง Rallye 1974 decal จำหน่ายราคาเริ่มต้น 410,000 บาท
การแข่งขันแรลลี่ปี 1978: ตำนานแห่งงานดีไซน์
Björn Waldegård ไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันในปีนี้ได้ เขาเข้าร่วมประลองความเร็วด้วยรถแข่งปอร์เช่ 911 SC รุ่นปรับแต่งพิเศษเพื่อลงแข่งใน Group 4 โดยเฉพาะ เป็นอีกครั้งที่นักแข่งเลือดสวีดิชแสดงฝีมืออย่างยอดเยี่ยม และมีลุ้นตำแหน่งแชมป์ อย่างไรก็ตามเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง รถแข่งปอร์เช่ของ Waldegård มีความเสียหายเกิดขึ้นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นปีกนก โช๊คอัพ รวมไปถึงเพลาขับ และในบางครั้งปัญหาเกิดขึ้นในจุดที่ห่างไกลจากทีมงานช่วยเหลือ หนุ่มสวีเดนเร่งความเร็วเต็มที่จนกระทั่งคว้าอันดับ 4 มาครอง งานตกแต่ง decal มีลวดลายพลิ้วไหวสีส้ม สีขาว และสีเทาดำที่ได้แรงบันดาลใจจากผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งเป็นเฉดสีที่แฟนกีฬาความเร็วทั่วโลกคุ้นเคยดีจากแบรนด์ Martini Racing Team ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 ดีไซเนอร์ของปอร์เช่ยังคงเคารพในต้นฉบับการตกแต่งอันสง่างามดังกล่าว ด้วย decal ที่ไม่แตกต่างไปจากเดิม โดยติดตั้งหมายเลข 14 บริเวณบานประตู ตามหมายเลขของรถแข่งเจ้าของอันดับ 2 ที่ขับขี่โดย Vic Preston Jr. ชุดตกแต่ง Rallye 1978 decal จำหน่ายราคาเริ่มต้น 585,000 บาท