แบตฯ “กึ่งแห้งแห้ง” กับ “น้ำ” เลือกใช้อันไหนดี

เชื่อว่าผู้ใช้รถแทบทุกคนจะต้องมีคำถามว่า…อะไรดีกว่ากัน สำหรับแบตเตอรี่ “กึ่งแห้งแห้ง” กับแบตเตอร่ “น้ำ” คำถามโลกแตกที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เราต้องการเดปลี่ยนแบตฯ เพราะต้องการของที่ดีและอยู่ใช้งานไปกับรถนาน ๆ ที่สำคัญราคายังแตกต่างกันมากพอสมควรอีกด้วย เพื่อคลายข้อสงสัยเรามาดูกันว่าแบตฯ “กึ่งแห้งแห้ง” กับ “น้ำ” มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น

สำหรับเรื่องของแบตเตอรี่ ขออธิบายก่อนว่า แบบ “น้ำ” ก็คือ แบบที่เติมน้ำกลั่นได้ เป็นแบบที่เราจะเห็นกันทั่วไป อันนี้เราต้องคอยเช็กน้ำกลั่นให้เต็มตลอด ถ้าน้ำกลั่นขาด แห้ง แบตฯ ก็พัง ส่วนแบบ “กึ่งแห้งแห้ง” จะมีน้ำกลั่นและน้ำกรดอยู่เหมือนกับแบบน้ำนั่นแหละ เพียงแต่มัน Seal ปิดผนึก เราไม่ต้องไปเติมน้ำกลั่น ไม่ต้องไปยุ่งกะมัน เป็นแบบ Maintenance Free คือ ไม่ต้องการการดูแลตลอดอายุการใช้งาน

สำหรับเรื่องความคงทน คิดว่ามันก็ไม่หนีกัน ถ้าใช้งานปกติทั่วไป ดูแลรักษาดี ก็อยู่ที่ประมาณ “2 ปี” ทั้งคู่ ที่เหลือก็อยู่ที่การบำรุงรักษาแล้ว อย่างแบตฯ น้ำ ถ้าหมั่นดูแล เติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับปกติเสมอ มันก็ทน ซึ่งมันก็มีข้อดีอยู่ว่า เราสามารถ “เช็กอาการ” ก่อนได้ โดยดูจากน้ำกลั่นนี่แหละ ถ้ามันพร่องเร็วผิดปกติ ที่ฝาจุกเติมน้ำกลั่นด้านในมี “คราบดำ” ขึ้นมา ก็เป็นสัญญาณว่ามันใกล้จะเสื่อมสภาพแล้ว อาการนี้จะเกิดก่อน ถ้าฝืนใช้ไปสักพัก จะเกิดอาการ “หมดไฟ” ไฟไม่ค่อยแรง สตาร์ทอืด ไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเคย

ส่วนแบตฯ กึ่งแห้งแห้ง มันก็จะมีข้อดีสำหรับคนที่ “ขี้เกียจเช็ค” ใช้อย่างเดียว แต่เราไม่มีโอกาสเช็กสภาพก่อนได้ เพราะมันซีลปิดหมด ก็รอมัน “ออกอาการ” ก่อน พอเริ่มมีอาการแย่ ๆ ก็รีบเปลี่ยนซะ มันอาจจะไม่เจ๊งในทันที แต่ถ้ามันเกิดเจ๊งก็จะสตาร์ทไม่ติด สู้เปลี่ยนก่อนดีกว่า จะได้ไม่เดือดร้อน

 

 

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES