ปี 2021 Audi เผยโฉมรถคอนเซ็ปต์ซีดานไฟฟ้า A6 e-Tron ออกมา ต่อมาปี 2022 ก็มีรถคอนเซ็ปต์แวกอนไฟฟ้า A6 Avant e-Tron ตามออกมา ตอนนี้รถคอนเซ็ปต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นกลายเป็นรถในสายการผลิตจริงสำหรับทำตลาดแล้ว
Audi A6 e-Tron ซึ่งใช้ชื่อ Sportback ต่อท้ายชื่อรุ่นสำหรับตัวถังซีดานและใช้ Avant ต่อท้ายสำหรับตัวถังแวกอนอยู่บนสถาปัตยกรรม Premium Platform Electric สำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะเหมือนที่ใช้อยู่ใน Q6 e-Tron และ Porsche Macan ส่วนขนาดของรถมีความยาว 4,928 มม. กว้าง 2,138 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,946 มม. ส่วนความสูงของรถอยู่ที่ 1,487 มม. สำหรับ Sportback และ 1,527 มม. สำหรับ Avant
รถไฟฟ้ารุ่นใหม่จากค่าย 4 ห่วงนอกจากจะมีความล้ำหน้าด้วยไฟหน้าและไฟท้าย 3 มิติที่มีหลายหลายรูปแบบไฟซิกเนเจอร์แล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่เน้นแอโรไดนามิกด้วยการที่ตัวถังซีดานหรือ Sportback มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน 0.21 Cd ในขณะที่ตัวถังแวกอนมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน 0.24 Cd อย่างไรก็ตามภายนอกของรถจะมีความแตกต่างกันตามการแต่งระหว่างพื้นฐาน, S Line และ S
ห้องโดยสารของรถมาพร้อมกับการออกแบบสไตล์เดียวกับ A5 ซึ่งเป็นรถใช้เครื่องยนต์สันดาปที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ด้วยการมีจอโค้งประกอบด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลขนาด 11.9 นิ้วและจอทัชสกรีนสำหรับระบบ Infotainment ขนาด 14.5 นิ้วยาวต่อเนื่องกัน รวมทั้งยังมีจอขนาด 10.9 นิ้วสำหรับให้ผู้โดยสารที่เบาะหน้าเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้โดยไม่รบกวนสมาธิผู้ขับ
นอกจากนี้ยังมีออปชันหลังคากระจกพาโนรามิกที่เปลี่ยนเป็นกระจกฝ้าได้โดยการกดปุ่ม และการแสดงข้อมูล Augment Reality Head-up Display ให้เลือกติด ส่วนวัสดุที่ใช้ในห้องโดยสารถูกระบุว่าเป็น Soft Wrap จากประตูรถฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่ง
แบตเตอรีที่ใช้กับรถมีความจุเดียวคือ 100 kWh แต่มี 2 ระดับกำลังให้เลือกระหว่าง A6 e-Tron Performance ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 392 แรงม้าขับเคลื่อนล้อหลัง เดินทางได้ 756 กิโลเมตรสำหรับ Sportback และ 720 กิโลเมตรสำหรับ Avant ส่วนอีกทางเลือกคือ S6 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลัง 496 แรงม้า สามารถเพิ่มเป็น 543 แรงม้าได้ด้วย Launch Control เดินทางได้ 675 กิโลเมตรสำหรับ S6 Sportback และ 647 กิโลเมตรสำหรับ S6 Avant
รถมาพร้อมกับเทคโนโลยี 800-volt และการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรงสูงสุด 270 kW ทำให้หากชาร์จไฟที่สถานีชาร์จที่เหมาะสม A6 Sportback e-Tron จะเดินทางได้เพิ่ม 310 กิโลเมตรด้วยระยะเวลาชาร์จไฟ 10 นาที และรถทั้งหมดสามารถชาร์จไฟจาก 10-80 ดปอร์เว็นต์ด้วยเวลา 21 นาที ขณะที่การชาร์จไฟด้วยไฟฟ้ากระแสสลับรองรับถึง 11 kW
ราคารถเริ่มต้นตั้งแต่ 75,600 ยูโรจนถึง 101,150 ยูโร โดยจะเริ่มรับออร์เดอร์รถตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ และในอนาคตจะมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังรวมทั้ง 4 ล้อออกมาเพิ่ม
