Aston Martin Valhalla ไฮเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดพัฒนาร่วมกับวิศวกรฟอร์มูลาวัน

Aston Martin เปิดตัว Valhalla รถซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ของตนหลังจากที่เคยเป็นรถคอนเซ็ปต์ออกมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยเป็นรถไฮเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องวางกลางรุ่นแรก มาจากการพัฒนาร่วมกับ Red Bull Advance Technology และ Adrian Newey วิศวกรรถแข่งฟอร์มูลาวันชื่อดัง

ตอนเป็นรถคอนเซ็ปต์ทางผู้ผลิตระบุว่าขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดของ Aston Martin Valhalla ใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่โดยรับรองว่าจะมีกำลังจากระบบ 950 แรงม้า แต่เมื่อกลายเป็นรถผลิตจริงทางผู้ผลิตใช้ 3 มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถมีกำลังขับเคลื่อนรวม 1,079 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตัน-เมตร

Aston Martin Valhalla PHEV

รถซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดใช้ระบบส่งกำลังดูอัลคลัตช์ 8 สปีดเพื่อนำกำลังสู่ทั้ง 4 ล้อของรถ ทำให้ใช้เวลา 2.5 วินาทีเพื่อนำรถที่หยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 350 กม./ชม.

ด้วยการเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดใช้มอเตอร์ไฟฟ้าร่วมในการขับเคลื่อน จึงทำให้รถเดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้าได้ 14 กิโลเมตร และทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./ชม. เมื่อใช้เฉพาะไฟฟ้า โดยประโยชน์หลักของ 3 มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดคือลดเทอร์โบแล็กจากเครื่องยนต์ให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้รถยังมากับ Torque Vectoring ที่เพลาหน้า และ Electronic Limited-Slip Differential ที่เพลาหลัง

Aston Martin Valhalla

ทางผู้ผลิตยังใช้แอคทีฟแอโรไดนามิกที่ด้านหน้าและปีกหลังเพื่อสร้างแรงกด 600 กิโลกรัมให้กับรถที่ความเร็ว 240 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมีระบบ Integrated Vehicle Dynamics Control เพื่อควบคุมทั้งแอคทีฟแอโรไดนามิก Torque Vectoring ช่วงล่าง พวงมาลัย และระบบเบรก สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การขับมากขึ้น รวมทั้งยังมี Race Mode ที่ปิดระบบช่วยต่างๆ ของรถ

ในส่วนน้ำหนักของรถอยู่ที่ 1,654 กิโลกรัมจากการใช้โครงสร้างโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ ซับเฟรมอลูมินัม ส่วนช่วงล่างด้านหน้าของรถเป็นแบบ Push Rod ขณะที่ด้านหลังใช้แดมเปอร์อแดปทีฟ Bilstein DTX ที่ผลิตโดยเฉพาะ พร้อมกับใช้คาลิเปอร์เบรกจาก Brembo 6 ลูกสูบที่ด้านหน้าและคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบที่ด้านหลังร่วมกับดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกเพื่อหยุดรถ

ห้องโดยสารของรถมากับเบาะคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวที่ถูกวางตำแหน่ง F1-Style พวงมาลัยที่แบนทั้งด้านบนและด้านล่าง จอแสดงข้อมูลการขับขนาดใหญ่ พร้อมมีระบบเสียง Bowers & Wilkins ในรถ

ทางผู้ผลิตไม่ได้เปิดเผยราคาของรถออกมา แต่บอกว่าจะเริ่มผลิตในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยจำกัดการผลิต 999 คัน

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES