บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ก็กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เป็นตัวแทนของเอกลักษณ์อันคลาสสิก สอดประสานเทคโนโลยีทันสมัยและการออกแบบที่ละเอียดประณีต แต่ยังเปิดพื้นที่ให้ไบค์เกอร์สร้างความเฉพาะตัวด้วยการแต่งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ซึ่งมอเตอร์ไซค์ในตระกูล R nineT
ล้วนสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S ที่เผยโฉมใน ปี 2523 สานต่อตำนานเอ็นดูโร่จาก R 80 G/S บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler ที่มาพร้อมแก่นแท้แห่งความเรียบง่ายสไตล์คลาสสิก และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์ในดีไซน์แบบเปลือย
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R nineT รุ่นใหม่ ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน ทั้งสมรรถนะ อุปกรณ์มาตรฐาน และตัวเลือกอุปกรณ์เสริมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมันที่ได้มาตรฐาน EU5 สร้างแรงบิดได้ทรงพลังกว่าที่เคย แต่ลดการปล่อยมลพิษยิ่งกว่า
มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Pro ระบบเบรก ABS Pro ระบบ Dynamic Brake Control ระบบ Dynamic Traction Control ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) ระบบกันสะเทือนใหม่แบบ WAD ที่ทั้งคล่องตัวและนุ่มนวลยิ่งกว่าขณะขับขี่ และไฟ LED ครบชุด
มอเตอร์ไซค์ในตระกูล R nineT ใหม่ มาใน 4 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT, R nineT Pure, R nineT Scrambler และ R nineT Urban G/S โดยทั้ง 4 รุ่นล้วนขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ที่ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องตามมาตรฐานมลพิษ EU-5 ส่งพละกำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109 แรงม้า) ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที หัวฉีดแบบใหม่ทำงานเข้าจังหวะกับระบบระบายความร้อนยิ่งขึ้น วาล์วปีกผีเสื้อและฝาครอบหัวฉีดได้รับการออกแบบใหม่ ส่งผลให้มอเตอร์ไซค์ R nineT ใหม่ทั้ง 4 รุ่นลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าขณะที่ยังส่งพลังแรงบิดได้มากกว่าที่ความเร็วรอบปานกลาง (ที่ 4,000-6,000 รอบต่อนาที) จึงตอบสนองได้อย่างฉับไวระหว่างขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ทั้ง 4 รุ่นยังมาพร้อมระบบเบรก ABS Pro และระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC ที่เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้น แม้ขณะเบรกในสภาวะการขับขี่ที่ยากลำบาก และยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนใหม่ที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ (WAD) ช่วยให้ทรงตัวได้มั่นคงและเพิ่มความสบายในการขับขี่ ปรับการตั้งค่าสปริงได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มหมุนที่เพิ่มเข้ามา
โหมดการขับขี่แบบ Pro ยังติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทั้ง 4 รุ่น ประกอบด้วยโหมดการขับขี่มากรฐาน ได้แก่ Rain และ Road เพิ่มเติมด้วยโหมด Dyna สำหรับ R nineT และ R nineT Pure ส่วน R nineT Scrambler และ R nineT Urban G/S จะมาพร้อมโหมด Dirt โดยขณะขับขี่ด้วยโหมด Dyna หรือ Dirt ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสความสปอร์ตยิ่งขึ้น จากการตั้งค่าเครื่องยนต์ให้ตอบสนองความเร็วได้ฉับไวเต็มพิกัด ส่วนระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC และ ABS Pro จะทำงานขณะขับขี่บนถนนที่มีแรงเสียดทานสูง เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเร่งความเร็ว ในขณะที่ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นคงและแม่นยำยิ่งขึ้น