Ferrari มักจะทำรถไฮเปอร์คาร์ระดับเรือธงผลิตจำกัดอย่าง F40, F50, Enzo และ Laferrari ออกมาเป็นระยะให้ลูกค้าที่เงินถึงซื้อ โดยล่าสุดเพิ่งเผยโฉม F80 รถในระดับนี้รุ่นล่าสุดออกมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทางค่ายม้าลำพองใช้มอเตอร์ไฟฟ้าร่วมในการขับเคลื่อนรถรุ่นสูงสุดของตน
Ferrari F80 แตกต่างจากรถระดับเรือธงรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีเครื่องยนต์V12 เป็นหัวจใจในการขับเคลื่อน เพราะทางค่ายม้าลำพองตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบไฮบริดที่มี 3มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมด้วยแทน โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์ 6 สูบสร้างกำลังออกมาได้ 900 แรงม้าที่ 8,750 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตรที่ 5,500-9,000 รอบ/นาที
อย่างไรก็ตามด้วย 3 มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดที่แยกอยู่ด้านหน้า 2 มอเตอร์ส่วนอีกมอเตอร์อยู่ด้านหลังทำให้รถมีกำลังรวมถึง 1,200 แรงม้า ใช้เวลา 2.15 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และหากเหยียบคันเร่งต่อเนื่องก็จะทำความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. โดยใช้เวลา 5.75 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 350 กม./ชม.
รถไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดจากค่ายม้าลำพองมี 3 โหมดขับให้เลือกใช้คือ Hybrid ซึ่งเป็นโหมดขับปกติที่เน้นในเรื่องการจัดการด้านความประหยัดเชื้อเพลิง ให้ความสำคัญต่อการเก็บพลังงานและชาร์จให้กับแบตเตอรี โหมดขับต่อมาคือ Performance เน้นให้พลังขับเคลื่อนต่อเนื่อง และรักษาพลังงานในแบตเตอรีไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์
ส่วนโหมดขับสุดท้าย Qualify จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของรถจากทั้งเครื่องยนต์และระบบไฮบริดออกมาเพื่อให้แรงม้าและแรงบิดทั้งหมดแก่ล้อของรถ
นอกจากมาพร้อมพลังขับเคลื่อนที่มากแล้ว รถยังให้ความสำคัญกับการหยุดรถด้วยการใช้เทคโนโลยี CCM-R Plus ที่พัฒนาร่วมกับ Brembo ซึ่งเป็นวัสดุและเทคโนโลยีจากมอเตอร์สปอร์ต ทำให้เบรกรถได้เร็วขึ้นแม้ขับในสนามแข่งเป็นเวลานาน
เพื่อทำให้รถมีความแข็งแกร่งพร้อมกับน้ำหนักเบา ทางผู้ผลิตจึงใช้วัสดุที่มีความหลากหลายกับส่วนต่างๆ ของรถ อย่างโครงสร้าง ส่วนของห้องโดยสาร และหลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ในขณะที่ซับเฟรมเป็นอลูมิเนียม นอกจากนี้ยังมีทั้งตัวถังและประตูรถ Butterfly-style น้ำหนักเบา
รถมาพร้อมกับช่องดักลมขนาดใหญ่ที่ฝากระโปรงหน้าเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิของระบบขับเคลื่อนไม่ใช้ร้อนเกินไป ขณะที่ช่วงล่างของรถใช้เทคโนโลยีจาก Purosangue รถเอสยูวีร่วมค่าย ส่วนราคารถอยู่ที่ 3.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากใครอยากเป็นเจ้าของต้องรีบสักหน่อยเพราะทาง Ferrari จะผลิตรถรุ่นนี้จำกัดแค่ 799 คัน