ฟอร์ด เผยโฉม ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยโฉม ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์เจเนอเรชันใหม่ ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นที่สอง ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และทุกสภาพเส้นทางหฤโหดยิ่งกว่าเดิม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงเพื่อผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้เป็นที่สุดแห่งรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยมากขึ้น ควบคุมการทำงานของตัวถังที่แข็งแกร่งและเหนือชั้นยิ่งขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงเป็นรถกระบะตระกูลเรนเจอร์ ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา

“เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถกระบะสมรรถนะสูงตัวจริงด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่” มร. เดฟ เบิร์น หัวหน้าวิศวกร ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ โครงการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ กล่าว “รถกระบะคันนี้จะมาพร้อมความเร็วที่เพิ่มขึ้น รูปโฉมที่สะดุดตา และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย จึงเรียกได้ว่าเป็นรถกระบะเกิดมาแกร่งที่สมบุกสมบันที่สุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา”

 อีกขั้นของขุมพลัง

ข่าวใหญ่ที่สุดสำหรับแฟนรถสมรรถนะสูง นั่นคือการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 397 PS ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตรจะยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2566 รายละเอียดรถสำหรับแต่ละประเทศจะแจ้งเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัวi

เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ใช้เสื้อสูบกราไฟต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และทนทานกว่าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบแบบที่ใช้ในรถแข่งเพื่อมอบอัตราเร่งทันใจ

ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮาii ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์

“เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตรทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะเป็นรถที่ตอบโจทย์คนรักรถออฟโรดสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการรถสมรถนะสูงอย่างแน่นอน” เดฟ กล่าว “อัตราเร่งที่ทรงพลังและสมรรถนะเต็มพิกัดของขุมพลังใหม่จะทำให้คุณสะใจแน่นอน”

เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่จะทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละสปีดได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ไม่ว่าจะเป็นกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮาii) ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสียของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ

ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ดังต่อไปนี้

  • โหมดเงียบ – ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ทรถตอนเช้าตรู่ เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน
  • โหมดปกติ – สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดหิน
  • โหมดสปอร์ต – มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น
  • โหมดบาฮา – โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุดทั้งความดังและความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรงออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น

ความแกร่งเพื่อทุกสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ใช้แชสซีอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดยเพิ่มการประกอบและอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสาซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ ไปจนถึงโครงรถแบบพิเศษที่พร้อมรองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดโช้ค และฐานยึดโช้คหลัง ทั้งหมดนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตะลุยเส้นทางออฟโรดสุดแสนหฤโหด

รถออฟโรดสมรรถนะสูงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ต้องใช้ช่วงล่างที่แกร่งเพียงพอ ช่วงล่างของรุ่นนี้จึงได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจ

“การพัฒนาระบบช่วงล่างใหม่ของ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ใช้ประโยชน์สูงสุดจากโช้คแบบ Live Valve ของ FOX ระบบช่วงล่างของรถปรับได้แบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ทางเรียบที่เหนือระดับ ในขณะที่ยังสามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวขรุขระและทางลูกรังในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างง่ายดาย ช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น” เดฟ กล่าว

องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดดและหลุมบ่อ คือระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับว่าได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon™ ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นก่อนหน้านี้”

ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ คือผู้รับหน้าที่ปรับจูนและพัฒนาโช้คอัพรุ่นนี้โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด

ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูงและความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่iii ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง

นอกจากการทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่างๆ แล้ว ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย โดยเมื่อโช้คได้รับแรงกด ระบบบายพาสจะจำงานเพื่อตอบสนองและช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ และผลักแรงกลับไปเมื่อโช้คมีการคืนตัวเต็มที่

ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่งช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้โช้คค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าวยังช่วยชะลอการหดตัวของโช้คหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหวของรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน

สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มิลลิเมตร เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม

ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลังทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้นเพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึกหรือหล่มโคลนได้

ควบคุมดีเยี่ยมบนทุกสภาพถนน

นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริง

“ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งบนทะเลทรายก็จริง แต่ก็นับเป็นรถเพื่อการเดินทางผจญภัยที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์ด้วย เราจึงสร้างฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จากโรงงานให้เป็นรถกระบะออฟโรดเพื่อการเดินทางพร้อมลุยในทุกเส้นทางที่ปลอดภัย โดยที่คุณไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม” เดฟ กล่าว

สิ่งที่ช่วยให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ เส้นทางโคลนหรือทางลูกรัง คือโหมดการขับขี่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย รวมไปถึงโหมดขับขี่ความเร็วสูงบนทางออฟโรดอย่าง ‘โหมดบาฮาii’ ซึ่งระบบไฟฟ้าทั้งหมดปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด

“เราต้องการให้โหมดบาฮาเป็นตัวแทนขั้นสุดของการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง” เดฟ กล่าว “ฟีเจอร์นี้เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ คาดหวัง” โหมดการขับขี่แต่ละโหมดii จะควบคุมการตั้งค่าการทำงานส่วนต่างๆ ของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ เกียร์ ความไวในการใช้ระบบเบรกอัตโนมัติ (ABS) การประมวลผล การยึดเกาะถนน ความมั่นคง ระบบท่อไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผลบนแผงหน้าปัดรถยนต์ และจอทัชสกรีน นอกจากนั้น สีของแผงหน้าปัดยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการขับขี่แต่ละโหมดอีกด้วย

โหมดการขับขี่ทางเรียบ

  • โหมดปกติ – ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
  • โหมดสปอร์ต – ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
  • โหมดทางลื่น – ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่นหรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ

โหมดการขับขี่ออฟโรด

  • โหมดหิน – มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
  • โหมดทราย – สำหรับใช้ขับบนพื้นทรายหรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและการเปลี่ยนเกียร์
  • โหมดโคลน – เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
  • โหมดบาฮา – เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่สามารถเลือกความเร็ว (ไม่เกิน 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รถจะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรก ผู้ขับขี่เพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อฝ่าเส้นทางสุดท้าทายได้ง่ายขึ้น

 การออกแบบที่ทรงพลัง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ทั้งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C อันเป็นดีเอ็นเอของรถกระบะฟอร์ด ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า

“ทุกส่วนประกอบออกแบบมาเพื่อ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดยผ่านการวางแผนมาอย่างดี” มร. เดฟ ดูวิทท์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบภายนอก ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ กล่าว “เพียงแค่มองรูปลักษณ์ภายนอก คุณจะรับรู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ออฟโรดสมรรถนะสูง”

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงและการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง

ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางออลเทอร์เรน BFGoodrich® KO2® ให้ความเท่และดุดันภายใต้ซุ้มล้อที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลนนอกจากความสวยงามและยังมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นผิวทั้งหมด บันไดข้างดีไซน์ใหม่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ช่วยเสริมรูปลักษณ์และฟังก์ชันการใช้งานให้กับรถ ส่วนด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดีกลมกลืนกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก โดยรายละเอียดของอุปกรณ์แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด

การออกแบบภายในยังคงสื่อถึงพลังและความดุดันของการเป็นออฟโรดสมรรถนะสูงเช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ทั้งเบาะหน้าและหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ มอบทั้งความสบายและกระชับแม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้ง

การตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม ‘โค้ด ออเรนจ์’ บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On- centre mark และแป้นแพดเดิลชิฟต์เคลือบแมกนีเซียม

ห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A®  รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen®iiii 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่

 

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES