ฮอนด้าได้พัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งในด้านสมรรถนะและการประหยัดพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับเทคโนโลยีไฮบริดซึ่งนับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน และเป็นเทคโนโลยีที่จะเชื่อมต่อไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ของฮอนด้า
สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยมลพิษที่ต่ำ รวมทั้งความมั่นใจและความสะดวกสบายที่ได้รับจากการบริการหลังการขายจากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรทั้ง 228 แห่ง
ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมการบริการจากทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์
ฮอนด้าจึงสร้างสรรค์และภูมิใจที่จะส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ผ่านซีรีส์ภาพยนตร์โฆษณา 5 เรื่อง ภายใต้แนวคิด “ฮอนด้า…เพื่ออนาคตที่คุณมั่นใจ” ที่คนไทยทั่วประเทศทั้ง 5 ภูมิภาค มั่นใจต่อการให้บริการหลังการขายจากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจร ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งมอบการบริการที่มีคุณภาพ และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ซึ่งลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV รุ่น ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี และล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะได้รับความสะดวกสบายและอุ่นใจ ทุกที่ทุกเวลา
มั่นใจกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV แรงทรงพลัง และประหยัดน้ำมัน
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายปี พ.ศ. 2593 ของฮอนด้าทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดมลพิษ โดยติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมหลากหลายรุ่น อาทิ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ และฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่สะท้อนความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุ
สำหรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นการผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยชาร์จไฟโดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มอบการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ตอบสนองทันใจ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่เพื่อให้เหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และ โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
มั่นใจกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
นอกจากนี้ ยังมั่นใจได้ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*
ที่สำคัญคือ มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาใกล้เคียงกับรถที่ใช้น้ำมัน
มั่นใจและอุ่นใจด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญ
มั่นใจมากยิ่งขึ้นเพราะสามารถเข้ารับบริการได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรทั้ง 228 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ให้บริการด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV พร้อมทั้งบริการพิเศษที่มอบความสะดวกสบายและอุ่นใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งการนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านทาง “Online Service Booking” บริการเช็กระยะแบบฝากกุญแจ “Honda Drop & Go” บริการเช็กระยะแบบเร่งด่วนตามระยะทาง “Honda Quick Service” รวมทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง ฯลฯ
และนี่คือ “ความมั่นใจ” ที่ผู้บริโภคมีต่อ “ฮอนด้า” ซึ่งสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิต ผ่านระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบริการหลังการขายและเครือข่ายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมให้บริการด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ตอกย้ำความสำเร็จของฮอนด้าในฐานะผู้นำรถยนต์อันดับหนึ่งในหลายเซกเมนต์เป็นเวลายาวนาน