Lamborghini Temerario กำเนิดสายพันธุ์ “Fuoriclass” อย่างแท้จริง

ลัมโบร์กินี (Lamborghini) แบรนด์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์หรูระดับโลกสัญชาติอิตาลี เปิดตัว “Temerario” ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังไฮบริด V8 ทวินเทอร์โบ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านสมรรถนะ ประสบการณ์การขับขี่ที่รื่นรมย์ และความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น โดย Temerario นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (HPEV) ของลัมโบร์กินี หลังจากเปิดตัว Revuelto ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดให้สมบูรณ์แบบหลังการเปิดตัว Urus SE เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

Temerario ปรากฏตัวขึ้นในฐานะดาวเด่นของมหกรรม Monterey Car Week 2024 โดยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่เหนือกว่าด้วยสุดยอดสมรรถนะ ระบบส่งกำลังไฮบริดรูปแบบใหม่ซึ่งเกิดจากการผสานเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบที่พัฒนาใหม่ในทุกรายละเอียดเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบกำลังเครื่องยนต์รวมถึง 920 CV โดยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยโรงงาน Sant’Agata Bolognese และยังเป็นเครื่องยนต์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นแรกและรุ่นเดียวในการผลิตที่สามารถทำความเร็วรอบได้สูงถึง 10,000 รอบต่อนาที มอบประสิทธิภาพที่สั่นสะเทือนวงการอย่างแท้จริงโดยมีความเร็วสูงสุดมากกว่า 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง (เร็วกว่า 210 ไมล์/ชั่วโมง) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (0-62 ไมล์/ชั่วโมง) ได้ในเวลาเพียง 2.7 วินาที

ระบบส่งกำลังใหม่ล่าสุด

หัวใจสำคัญที่ลัมโบร์กินียึดมั่นมาโดยตลอดคือระบบขับเคลื่อน ซึ่งในรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Temerario ลัมโบร์กินีได้เปลี่ยนมาใช้แนวทางใหม่ทั้งหมดโดยผ่านการพัฒนากว่า 5 ปี เพื่อสร้างสรรค์ระบบส่งกำลังของซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน จนได้ระบบส่งกำลังแบบใหม่ที่ประกอบด้วยคอนเซ็ปต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) แบบเทอร์โบคู่ที่มีรอบการหมุนสูง ที่ผสานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว “เราต้องการพัฒนาเครื่องยนต์สปอร์ตคาร์สมรรถนะสูงที่ไร้คู่แข่ง โดยรวมสิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน นั่นคือเครื่องยนต์สันดาปพร้อมเทอร์โบคู่ V8 และระบบพลังงานไฟฟ้า แนวคิดของเราในการผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปยังทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างอัตราการเร่ง และระบบชาร์จพลังงานกลับได้อย่างฉับไว

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ซึ่งใช้ชื่อเรียกภายในว่า “L411” ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ โดยเครื่องเทอร์โบคู่ V8 มอบกำลังสูงสุด 800 แรงม้าที่ 9,000 – 9,750 รอบต่อนาที และแรงบิด 730 นิวตันเมตรที่ 4,000 – 7,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าในตำแหน่ง P1 (ระหว่างเครื่องยนต์ V8 และกระปุกเกียร์) ยังช่วยการันตีการตอบสนองที่ฉับไวโดยเริ่มจากความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำและดำเนินอย่างต่อเนื่องผ่านการเปลี่ยนเกียร์ โดยทำหน้าที่เป็น “ตัวทดแทนแรงบิด” และเพิ่มระดับการตอบสนองให้แบบชั่วคราว เพื่อให้ความรู้สึกของการเพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องจนไปถึงจุดสูงสุดที่ 10,000 รอบ โดยประสิทธิภาพและสมรรถนะจะไต่ระดับเพิ่มขึ้นเมื่อขับด้วยความเร็วสูงสุดผ่านการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาดใหญ่ 2 ตัว ซึ่งติดตั้งอย่างแนบเนียนอยู่ในตำแหน่ง V ของเครื่องยนต์ สมฉายาเครื่องแบบ “Hot V8” เพื่อยกประสิทธิภาพทั้งในการติดตั้งและการระบายความร้อนเมื่อเครื่องเทอร์โบคู่ V8 ทำความเร็วรอบได้สูงสุดที่ 10,000 รอบต่อนาทีด้วยแรงดันบูสต์สูงสุดของเทอร์โบชาร์จเจอร์คือ 2.5 บาร์ (abs) และชุดกังหันจะถูกควบคุมด้วยเกจไฟฟ้าและเซ็นเซอร์วัดความเร็วล้อ ลัมโบร์กินียังได้ออกแบบกล่องไส้กรองอากาศแบบตลับท่อเพื่อให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่และเสริมประสิทธิภาพได้มากกว่า

หัวใจคือเพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flat-plane ซึ่งทำมุม 180 องศาอยู่ระหว่างส่วนโค้งของเพลาข้อเหวี่ยง โดยเพลาข้อเหวี่ยงทั่วไปจะใช้ในเครื่องยนต์รถแข่ง จะช่วยควบคุมให้เกิดพฤติกรรมพลศาสตร์ของไหลที่เหมาะสมที่สุดผ่านการเรียงลำดับการจุดระเบิดภายในที่สม่ำเสมอเมื่อเปรียบเทียบกับเพลาข้อเหวี่ยงแบบ Cross-plane ทั้งยังให้เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ก้านสูบไทเทเนียมยังช่วยลดมวลการหมุนและมอบคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมทั้งในแง่ความแข็งแรงและความเบา จึงช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง ส่วนวัสดุหล่อเครื่องยนต์ประกอบด้วยอลูมิเนียมอัลลอย A357 ผสมทองแดง ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในแวดวงมอเตอร์สปอร์ต

คันโยกวาล์ว (Finger Followers) ที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษซึ่งถูกเคลือบแบบ DLC (Diamond Like Carbon) สามารถทนต่อความเร็วรอบได้สูงสุดถึง 11,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เคยสงวนไว้สำหรับเครื่องยนต์รถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งแรงบันดาลใจที่ทีมวิศวกรนำมาใช้เป็นแนวคิดโครงสร้างเครื่องยนต์เพราะตามปกติในวงการมอเตอร์สปอร์ต ชิ้นส่วนเสริมส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่ง รวมถึงปั๊มน้ำสองตัวสำหรับอินเตอร์คูลเลอร์และการระบายความร้อนเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับวาล์วบาร์เรลที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรักษาระดับคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม

ระบบปั้มน้ำมันและปั๊มน้ำซึ่งถูกจัดเรียงตามลำดับทางด้านขวาของเครื่องยนต์ จะถูกขับเคลื่อนการทำงานไปจนถึงอัตราส่วนที่กำหนดและทำความเร็วปั๊มได้สูงสุดที่ 7,800 รอบต่อนาที ทีมวิศวกรได้รวมถังน้ำมันไว้ที่ด้านหนึ่งของเครื่องยนต์ซึ่งทำงานตามหลักการหล่อลื่นแบบดรายซัม (Dry sump) ด้วยปั๊มขับเกียร์ (Gear scavenge pumps) แบบ 5 ขั้นตอน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ชุดขับเคลื่อนนี้มีลักษณะแบนราบและทอดตัวในระดับต่ำของตัวรถและช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของ Temerario ให้ต่ำลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ถูกออกแบบใหม่ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงระดับอุณหภูมิที่สมดุล ส่วนการระบายความร้อนภายในฝาสูบก็ได้รับการปรับปรุงคุณภาพอย่างมาก โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในการทำแกนหล่อ ช่วยให้ห้องเผาไหม้เย็นลงอย่างสม่ำเสมอและป้องกันเครื่องน็อกได้อย่างดีเยี่ยม การฉีดน้ำมันเบนซินเข้าโดยตรงจะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นฝอยละเอียดเข้าสู่ห้องเผาไหม้ทั้ง 8 ห้องด้วยแรงดันสูงถึง 350 บาร์ จึงการันตีการเผาไหม้ที่สะอาดหมดจดและรวดเร็ว

คุณลักษณะของเครื่องยนต์ที่มีรอบการหมุนราบรื่นและเป็นธรรมชาติพร้อมการส่งกำลังเครื่องยนต์เทอร์โบร่วมกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ยังมอบความโดดเด่นทั้งในด้านการทำงานและเสียงของเครื่องยนต์ ซึ่งลัมโบร์กินี ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V8 แบบใหม่ที่ผสานขีดความสามารถในการสร้างรอบการหมุนเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศรุ่นก่อนอย่าง V10 เข้ากับการสร้างกำลังเครื่องและแรงบิดที่มหาศาลของเครื่องเทอร์โบสมัยใหม่ และยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว จึงทำให้ได้กำลังไฟฟ้าของระบบส่งกำลังอันโดดเด่นที่ 920 CV / 676 กิโลวัตต์เลยทีเดียว

 

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES