ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาสำหรับแลมเบรตต้า ในโมเดล X300 กับการเปิดตัวครั้งแรก ภายในงาน Milan Design Week 2022 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 75 ของแลมเบรตต้า มาจนถึงวันนี้ เรียกได้ว่าโมเดล X300 เดินทางมาครบ 1 ปีเต็ม และ มีคอลเลคชั่นออกมาให้เหล่าแฟนๆของแลมเบรตต้า หรือที่มีชื่อเรียกกันว่าสาวก‘แลมเบรตติสต้า (LAMBRETTISTA)’ ได้เก็บสะสมไว้ในครอบครองกันอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด! แลมเบรตต้าทำเซอร์ไพรส์ ถือโอกาสครบรอบปีที่ 76 เปิดตัว New X200 พิกัดใหม่ พร้อมภาพลักษณ์ความเท่ของสีสันใหม่ และยังคงมาพร้อมกับพรีเซนเตอร์หนุ่ม ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นักแสดงชื่อดัง ที่รู้กันดีว่าหนุ่มคนนี้ คือตัวจริงเรื่องรถวินเทจและที่สำคัญยังเป็นแลมเบรตติสต้าตัวจริงเสียงจริงที่สะสมรถแลมเบรตต้าวินเทจตัวแรร์จนถึงรุ่นปัจจุบันกันมาแล้วหลายรุ่น
มารอบนี้ เรียกได้ว่าแท็กทีมกันมาผนึกความแข็งแกร่งของตระกูล X-Series และเอาใจสาย New Entry ตอบโจทย์ให้กับผู้ที่หลงใหลในดีไซน์ของโมเดลรหัส X แต่ต้องการพิกัดเริ่มต้น พร้อมสีสันที่ให้ความสนุกมากยิ่งขึ้น กับ New X200 ที่มาในคอนเซปต์ ‘ I KNOW WHAT I WANT ’ ส่งต่อแอตติจูดที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้คนชาวแลมเบรตติสต้า ผ่านแคมเปญใหม่ ที่ให้ทุกคนได้มาปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเอง ชอบอะไร ก็ไปให้สุด! ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือแฟชั่นการแต่งตัวก็บ่งบอกตัวตนได้อย่างเต็มที่
New X200 สกู๊ตเตอร์พรีเมียมน้องใหม่จากสายเลือดแห่งตำนาน พร้อมเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมเหนือระดับ ไปพร้อมกับรูปโฉมแห่งอิตาเลียนดีไซน์ ที่ยังคงไว้ในมิติเดิมของ ตระกูล X-Series กับรูปทรง Diamond lines ของการออกแบบเส้นสายบนตัวรถ ที่ใช้แนวคิดแห่งอนาคตในการออกแบบให้มีความล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ แต่ยังคงกลิ่นอายและ DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของ LAMBRETTA ด้วยโครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long ที่มีมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พร้อมการออกแบบ Riding Position กับท่านั่งขับขี่สกู๊ตเตอร์แบบคลาสสิกตัวตั้งหลังตรง ในตำแหน่งการวางเท้าถึงพื้นไม่สูงจนเกินไป อีกทั้งยังมาพร้อมกับดีไซน์ลวดลายใหม่ ที่มีเฉพาะใน New X200 กับการเดินเส้นสายบริเวณขอบล่างของฝาข้างทั้งสองข้าง พร้อมกับการจับคู่สีดำของตัวรถที่ให้อารมณ์ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
มารอบนี้ จัดสีสันถูกใจวัยมันส์ กับทั้งหมด 6 เฉดสีพิเศษ ใน 2 สไตล์ ให้ได้เลือกแบบที่ใช่สำหรับตัวเอง ได้แก่…
สไตล์ PLAYFUL COLORS กับ 3 เฉดสีสันสดใส เติมเต็มไลฟ์สไตล์สนุกสุดมันส์
- SALMON PINK (Hi-Gloss) สีชมพู แซลมอนพิงค์ เฉดสีพิเศษในโทนชมพูอมส้ม ให้ความโดดเด่น สะดุดตา พร้อมให้สนุกกับการแมทช์ลุคใหม่ๆ ไปกับไลฟ์สไตล์สุดคูล
- CLOUDY BLUE (Hi-Gloss) สีฟ้า คลาวดี้บลู เสมือนท้องฟ้าในวันที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆบางๆ สีสันที่ให้อารมณ์เย็นสบายตา
- LIMONCELLO YELLOW (Hi-Gloss) สีเหลืองลิม่อนเชลโล่ แรงบันดาลจากสีสันของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี รสชาติที่ให้อารมณ์ความเปรี้ยวอมหวาน สีสันที่ให้ความสดชื่น มีชีวิตชีวาในทุกๆวัน
สไตล์ MONOCHROME กับเฉดสีคุมโทน สีสันที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ก็ยังอินเทรนด์อยู่เสมอ
- GEMMA WHITE (Hi-Gloss) สีขาวเจ็มม่า กับความพิเศษของประกายระยิบระยับในเนื้อสี ดุจอัญมณีทรงคุณค่า
- SCURO GREY (Hi-Gloss) สีเทาสคูโร่หรือสีเทาเข้มของตัวรถในเฉดพิเศษที่ให้อารมณ์ความสปอร์ตและความคลาสสิกในตันตน อีกเฉดสีที่สะกดทุกสายตาให้หลงใหล
- SUPER BLACK (Hi-Gloss) สีซูเปอร์แบล็ค หรือสีดำเงาแบบพิเศษ ให้อารมณ์ความเข้ม ดุดัน กับ Total Look ของสีนี้ ที่มาในสไตล์ All Black แบบฉบับความเท่ ทรงเสน่ห์น่าค้นหา
โดยทั้งหมด 6 เฉดสีพิเศษ ใน 2 สไตล์ที่ว่ามานี้ ถูกออกแบบมาให้ตัดกับชุดสีดำในดีเทลต่างๆบนตัวรถ อาทิ สีดำของขอบคิ้วที่เดินเส้นสายบนตัวรถ , ครอบไฟหน้า , ชุดกระจกสีดำ , ชุดโช๊คอัพ เป็นต้น รวมไปถึงสีของเบาะนั่งก็เป็นสีดำเช่นเดียวกัน พร้อมปักโลโก้ LAMBRETTA ด้วยด้ายสีเทา เพิ่มความเข้มเท่ โดดเด่นไม่เหมือนใคร
สำหรับ New X200 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 184.7 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนถึง 2 ตัวด้วยกัน ที่สำคัญ ในส่วนของการออกแบบระบบช่วงล่างยังถ่ายทอด DNA เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ทั้งสองข้าง ให้การขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมความพิเศษที่ใน New X200 รุ่นใหม่นี้ ได้มีการอัพเกรดในส่วนของโช๊คทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาใหม่ ให้สามารถปรับ Preload ได้ถึง 7 ระดับด้วยกัน เรียกได้ว่าอัพเกรดมาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานของผู้ใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ
นอกจากนี้ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่นของไฟหน้า และไฟท้ายในระบบ FULL LED กับโคมไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยมอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นยอดฮิตของแลมเบรตต้า ออกแบบมาให้แฝงโลโก้ไว้ภายใน บ่งบอกตัวตนไว้ได้อย่างชัดเจน และส่วนของไฟท้ายที่บึกบึนดูแข็งแกร่งแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความพรีเมียมเหนือระดับ กับดีไซน์ในรูปทรงคริสตัล 7 แท่ง ที่เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนโคมด้านนอกอีกชั้น มาพร้อมกับระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน มาพร้อมกับการใช้งานในระบบ Smart Key ที่เพียงแค่พกพา Smart Key ใกล้ตัวรถ ก็สามารถบิดสตาร์ทได้ทันที อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยที่มากกว่า ด้วยดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS และเสริมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ด้วย USB Charger (Type-C) ที่ซ่อนอยู่บริเวณช่องซ้ายมือ สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์สื่อสารได้ อีกจุดของความสวยงามที่มองเห็นได้ขณะขับขี่ คือ เรือนไมล์แบบ Digital LCD with Tachometer ผสมผสานดีไซน์ระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยเอาไว้ด้วยกัน พร้อมการทำงานที่แสดงผลข้อมูลต่างๆอย่างครบครัน
และแน่นอนว่า การมาของ New X200 ถือว่าเอาใจสาย New Entry ที่อยากขยับขึ้นมาเล่นรถสกู๊ตเตอร์พรีเมียมจากอิตาลี ในราคาค่าตัวที่เฟรนลี่มากยิ่งขึ้น ด้วยราคาเปิดตัวที่ 134,900 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษฉลองครบรอบ 76 ปี เพียงแค่จองรถ New X200 ผ่านช่องทางออนไลน์ ก็รับข้อเสนอเดียวกันกับงาน Motor Expo รวมมูลค่ากว่า 9,000 บาท!