มาร์ค มาร์เกซ จากสเปนคว้าชัยชนะโมโตจีพี 59 ครั้งและคว้าโพเดียม 100 ครั้งก่อนอายุครบ 30 ปี แต่อุบัติเหตุในช่วงเปิดฤดูกาลปี 2563 ทำให้เส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของเขาต้องสะดุดลง ในซีรีส์สารคดีเรื่อง ‘Marc Márquez: ALL IN’ แชมป์โลก 8 สมัยวางแผนการกลับมาของเขาเพื่อ “คว้าชัยชนะอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เป็นนักบิดที่เก่งเท่านั้น”
มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสเปนคือผู้ที่บอกว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นนักแข่ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาชนะการแข่งขันโมโตจีพีถึง 59 รายการ และคว้าแชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 6 สมัย ก่อนหน้านั้นชนะ 26 รายการในรุ่น 125 ซีซี (ปัจจุบันคือรายการโมโต 3) และโมโต 2 ซึ่งส่งผลให้คว้าตำแหน่งแชมป์โลกในแต่ละรายการ ความกระหายในการแข่งขันที่ไร้ขีดจำกัดของเขาเป็นพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ จนกระทั่งอาการบาดเจ็บในการแข่งขันสนามแรกของศึกโมโตจีพี ปี 2563 ทำให้เขาสุ่มเสี่ยงที่อาจจบอาชีพนักบิดเมื่อมาถึงจุดสูงสุด
“ตั้งแต่ผมยังเด็ก ไม่เคยมีคำว่าพอ” มาร์เกซกล่าว “ถ้าผมมีบางสิ่ง ผมจะอยากได้มากขึ้นอีก ถ้าผมเร็ว ผมจะอยากเร็วขึ้นอีก ผมเกิดมาเพื่อจะเป็นนักแข่ง ผมคิดว่าเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้ แม้แต่ตอนที่ผมอายุสี่ขวบหรือห้าขวบ ถ้าผมแพ้พ่อหรือปู่ในบางเกม ผมก็จะร้องไห้ ถามว่าคุณเรียนรู้อะไรแบบนั้นได้ยังไง ผมเกิดมาพร้อมกับความคิดเช่นนั้น”
มาร์เกซผงาดสู่สนามระดับโลกในปี 2556 และกลายเป็นแชมป์โลกโมโตจีพีที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 20 ปีในปีที่คว้ารางวัลรุกกี้ยอดเยี่ยม แชมป์พรีเมียร์คลาสอีก 5 รายการต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2562 โดยมีโอกาสคว้าแชมป์รายการที่ 7 ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุในการแข่งขันสนามแรก Spanish Grand Prix ส่งผลกระทบแบบโดมิโนจากอาการบาดเจ็บซึ่งยุติตำแหน่งแชมป์ของเขาไม่เพียงแค่ในปีนั้น แต่ยังรวมถึงในปี 2564 และปี 2565 ด้วย
ซีรีส์ 5 ตอน เรื่อง ‘Marc Márquez: ALL IN’ ซึ่งจะรับชมได้ทาง Red Bull TV ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน เป็นเบื้องหลังที่หาชมได้ยากในการเจาะลึกชีวิตของมาร์เกซ เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จอย่างหาใครเทียม ผู้ซึ่งเอาชนะผู้ที่ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษของเขาและจากนั้นต้องเอาชนะความเจ็บปวดของตัวเองและเข้ารับการผ่าตัดที่มองว่าเป็นโอกาสสุดท้าย หากเขายังตั้งความหวังที่จะคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์รายการที่ 60
“จากสารคดีเรื่องนี้ คุณคาดได้เลยว่าจะได้รับชมหนังชีวิตที่แท้จริง” มาร์เกซกล่าว เป็นเรื่องของคนๆ หนึ่งที่ตัดสินใจเรื่องสำคัญสำหรับอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัวของเขา ชีวิตมีขึ้นมีลง คำว่า ‘เสียสละ’ เป็นคำที่ดีในการอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ในซีรีส์คุณจะเห็นว่าผมเคยอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของผม แต่ผมย้ายไปมาดริดเพราะหมอและนักกายภาพบำบัดที่ผมต้องการอยู่ที่นั่น ผมละทิ้งบ้านเกิด ทิ้งครอบครัว และได้เปลี่ยนชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ที่ทำเช่นนี้เพื่อเป้าหมายเดียว คือความพยายามที่จะคว้าชัยชนะอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การเป็นนักบิดที่เก่งอีกครั้ง แต่มันคือการคว้าชัยชนะอีกครั้ง”
ซีรีส์นี้ประกอบด้วยบทสัมภาษณ์คนใกล้ชิดของมาร์เกซ เพื่อนร่วมทีม สื่อมวลชน และแม้แต่คู่แข่งที่เคยอยู่เหนือกว่าเขา เช่น ฆอร์เฆ โลเรนโซ เพื่อนร่วมชาติและแชมป์โมโตจีพี เพื่อแสดงให้เห็นภาพชีวิตของมาร์เกซ ในฐานะนักบิดโมโตจีพี
“เมื่อผมได้เข้าแข่งขันรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างโมโตจีพี มันเป็นเรื่องที่ทุกคนเซอร์ไพรส์ เพราะผมชนะไอดอลของผมทันทีในปีแรก เช่น วาเลนตีโน รอสซี ดานี เปโดรซา และฆอร์เฆ โลเรนโซ ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมมีโปสเตอร์ของพวกเขา และตอนที่ผมเล่นวิดีโอเกม ผมคือวาเลนตีโน รอสซี” มาร์เกซกล่าว
“ในปี 2556 ผมได้เข้าร่วมการแข่งขันโมโตจีพี และได้แชมป์ในรายการนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของผม และผมทำได้สำเร็จ”
แม็กซ์ แวร์สเตปเพน แชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน 2 สมัยกล่าวถึงมาร์คว่า “เขาทำสิ่งต่างๆ บนรถมอเตอร์ไซค์ในแบบที่ไม่ค่อยมีใครทำได้”
เขากล่าวต่อว่า “คุณต้องเชื่อเสมอว่าคุณสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง เมื่อเขากลับมามีพละกำลังแข็งแกร่งเต็มที่ เขาจะครองแชมป์ได้อีกครั้ง”
ในการเสี่ยงครั้งสุดท้ายเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขา มาร์เกซได้อนุญาตให้มีการบันทึกภาพชีวิตของเขาทั้งในและนอกสนามเป็นครั้งแรกตลอดปี 2565 การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่เขาหวังว่าจะพาเขากลับไปสู่ตำแหน่งสูงสุดของรายการ สามารถคว้าโพเดียมในฐานะแชมป์โลกโมโตจีพีได้ในที่สุด
