แม้ว่า Mercedes-Benz จะใช้แบรนด์ EQ สำหรับรถไฟฟ้าของตน แต่ GLC รุ่นใหม่ที่เพิ่งถูกเผยโฉมออกมาก็เดินหน้าไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าจากการที่ทุกรุ่นเครื่องยนต์มีการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมด้วยในรูปแบบไมลด์ไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริด นอกจากนี้รถยังมาพร้อมกับความทันสมัยและความยาวที่มากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
Mercedes-Benz GLC รุ่นใหม่ถูกเผยโฉมออกมากับตัวรถที่มีความยาว 4,716 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,640 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,888 มม. ซึ่งทำให้มีความยาวมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 60 มม. มีความกว้างเท่าเดิม และเตี้ยลง 4 มม. ในขณะที่ความยาวของระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 15 มม.
ภายนอกของ GLC ใหม่มาพร้อมกับไฟหน้า LED ใหม่ที่เชื่อมต่อกับกระจังหน้า ขณะที่กระจังหน้าและกันชนหน้าจะมีความแตกต่างกันตามการแต่งของรถ ส่วนด้านหลังของรถมาพร้อมกับไฟท้ายทรงเรียวที่มีแถบเชื่อมต่อระหว่างไฟทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนี้รถยังมีทั้งแนวเส้นหลังคาและเส้นด้านข้างรถที่ให้ความสปอร์ต ส่วนล้อของรถมีตั้งแต่ขนาด 18-20 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารของรถเอสยูวีรุ่นใหม่มาครบทั้งความหรูและทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว และจอระบบ Infotainment ขนาด 11.9 นิ้ว ซึ่งเป็นจอในลักษณะลอยตัวทั้ง 2 จอ รวมไปทั้งถึงระบบ MBUX ที่มากับรถยังได้รับการอัพเดตทำให้มีออฟชันระบบนำทาง Augment Reality ให้เลือกได้ซึ่งจะใช้กล้องเพื่อแสดงภาพด้านหน้ารถ ส่วนระบบสั่งงานด้วยเสียงสามารถเปิดเพลงโปรด ปรับอุณหภูมิในรถอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยใช้ระบบนำทางได้
GLC ใหม่มี 3 ทางเลือกของเครื่องยนต์พร้อมเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48V ที่ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อน 23 แรงม้าและเพิ่มแรงบิด 200 นิวตันเมตร คือ GLC 200 4Matic และ GLC 300 4Matic ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบเหมือนกัน แต่ GLC 200 มีกำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ขณะที่ GLC 300 มีกำลัง 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่วนอีกรุ่นเป็น GLC 220d 4Matic ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบมีกำลัง 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
นอกจากรุ่นใช้เทคโนโลยีไมลด์ไฮบริดแล้วยังมีอีก 3 รุ่นปลั๊กอินไฮบริดให้เลือกคือ GLC 300 e 4Matic, GLC 400 e 4Matic และ GlC 300 de 4Matic ซึ่งสองรุ่นแรกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบทำงาร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังขับเคลื่อนรวม 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรในรุ่น 300 e และให้กำลังขับเคลื่อนรวม 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรในรุ่น 400 e ขณะที่ GLC 300 de ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังรวม 335 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร
รุ่นปลั๊กอินไฮบริดทั้งหมดมาพร้อมกัแบตเตอรี 31.2 kWh ที่ให้ระยะการเดินทางโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าได้ ถึง 120 กิโลเมตรในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน แต่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลปลั๊กอินไฮบริดจะลดลงเหลือ 102 กิโลเมตร ขณะที่การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดทุกรุ่นเครื่องยนต์
การขาย GLC ใหม่ที่ยุโรปจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ ส่วนตลาดภูมิภาคอื่นน่าจะเริ่มขายในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน