มูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานกว่า 250 คนจาก 11 กลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าลดโลกร้อนและสร้างรั้วทางขึ้นจุดชมวิวธรรมชาติ ณ ป่าชุมชนบ้านหว้าเอน จ.ปราจีนบุรี สนับสนุนการต่อยอดสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากผืนป่า สอดคล้องตามพันธกิจ และคุณค่าขององค์กรที่ให้ความสำคัญด้าน “สิ่งแวดล้อม” และ “สังคม” นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง
กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือภายใต้ “โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน” โดยร่วมกับกรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก มูลนิธิป่าชุมชน และคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านหว้าเอน เพื่อดำเนินกิจกรรมลดโลกร้อนให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่ง Mitsubishi Electric ได้ให้การสนับสนุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากป่าชุมชน และมีกำลังใจในการช่วยอนุรักษ์ผืนป่าอันเป็นมรดกของประเทศอย่างมีแบบแผน โดยปีนี้มีพนักงานจิตอาสากว่า 250 ชีวิตที่สละเวลาในวันหยุดมาร่วมใจปลูกป่าคืนความสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ได้แก่ ยางนา สัก มะค่าโมง พยูง ประดู่ป่า และมะขามยักษ์ รวม 4,000 ต้นบนพื้นที่ 20 ไร่ พร้อมทั้งสร้างรั้วทางขึ้นจุดชมวิวธรรมชาติ และปลูกป่าทางไกลโดยการยิงเมล็ดพันธุ์มะค่าโมงด้วยหนังสติ๊กที่ป่าชุมชนบ้านหว้าเอน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการศึกษาเรียนรู้ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน
นายคุนิฮิโกะ เซะกิ รองประธานกรรมการมูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย เผยว่า “Mitsubishi Electric เป็นกลุ่มบริษัทที่มีนโยบายการบริหารธุรกิจโดยตระหนักถึง “ความยั่งยืน” เป็นรากฐานสำคัญ เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณค่าขององค์กร และแสดงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพนักงานของเราซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าขององค์กรที่จะร่วมมือกันทำให้สังคมที่ยั่งยืนเป็นจริง ภายใต้ความมุ่งมั่น “เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า หรือ Changes for the Better” และการตระหนักถึงคุณค่าทั้ง 7 ประการขององค์กร ซึ่งได้แก่ ความไว้วางใจ คุณภาพ เทคโนโลยี จริยธรรมและการปฏิบัติตามระเบียบ ความเป็นมนุษย์ รวมถึงคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม กิจกรรมนี้จึงไม่เพียงมีความหมายต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังประโยชน์ให้กับสังคม ขอให้พนักงานจิตอาสาทุกคนจำความรู้สึกของการให้ การทำความดีเพื่อคนอื่นโดยไม่เห็นแก่ความยากลำบาก เพราะท้ายที่สุดจะทำให้เราภาคภูมิใจในผลของการกระทำซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้ เหมือนกับต้นไม้เล็กๆ ที่พวกเราช่วยกันปลูกที่จะเติบโตสูงใหญ่กลายเป็นป่าเพื่อความเขียวชอุ่มในวันพรุ่งนี้”
นายเทียนชัย ตรีชิต ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี กล่าวว่า “โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน เป็นโครงการที่กรมป่าไม้และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ร่วมกำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์แนวทางในการดำเนินโครงการฯ โดยมีจุดประสงค์ เป็นสื่อกลางระหว่างภาคเอกชนกับภาคประชาชน ในการดำเนินกิจกรรมด้านการบริหารจัดการในพื้นที่ป่าชุมชนเพื่อลดสภาวะโลกร้อน และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนที่ร่วมดูแลรักษาป่า จึงเกิดเป็นการประสานความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทย ซึ่งตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ และดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และในปีนี้ได้จัดให้มีกิจกรรมปลูกป่าลดโลกร้อนและสร้างรั้วขึ้นจุดชมวิวธรรมชาติ ภายใต้โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน ร่วมกับคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนและประชาชนหว้าเอน เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า และพัฒนาพื้นที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้ป่าชุมชนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์สามารถยังประโยชน์และความสุขให้แก่เราทุกคนสืบไป”
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้ง “ป่าชุมชน” กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคมากกว่า 11,194 แห่ง รวมเนื้อที่กว่า 6.23 ล้านไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 2566) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนมีส่วนร่วมดูแลและใช้ประโยชน์จากผืนป่าให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทั้งในด้านการศึกษาเรียนรู้ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนชุมชนผ่านกิจกรรม อาทิ การปลูกป่า การทำฝายชะลอน้ำ หรือการทำแนวกันไฟ ทำให้ป่าเกิดความอุดมสมบูรณ์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนช่วยลดโลกร้อน นอกจากนี้ชุมชนยังจะได้สิทธิประโยชน์รายได้จากการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลป่าชุมชน และนำเงินกลับมาดูแลรักษาป่าชุมชนได้อย่างยั่งยืน