“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” (Triumph Motorcycles) นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1902 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการผลิตและพัฒนารถจักรยานยนต์มากมายครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ทุกสไตล์ เช่นเดียวกับ รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ “สปีด 400” (Speed 400) และ “สแครมเบลอร์ 400 เอ็กซ์” (Scrambler 400 X) 2 รถจักรยานยนต์โมเดลใหม่ล่าสุดที่เตรียมเข้ามาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ โมเดิร์น คลาสสิก ในปี 2024
ที่มีจุดเริ่มต้นจากการร่างแบบเบื้องต้น ไปจนถึงการประกอบในขั้นสุดท้ายอย่างประณีต เพื่อรังสรรค์เป็นรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ล้วนผ่านการคิดค้น ออกแบบ ผลิตต้นแบบ พัฒนา และทดสอบโดยทีมงานเฉพาะ ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะพาทุกคนไปเจาะลึกว่า กว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ที่ทุกคนชื่นชอบนั้นต้องผ่านกระบวนการผลิตอย่างไรบ้าง
รวมสไตล์นักขับขี่ ผสาน DNA เฉพาะตัว สู่การเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่โดนใจแฟน ๆ
ก่อนที่จะออกแบบรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่นใหม่แต่ละคัน ไทรอัมพ์จะได้รับฟังความคิดเห็นของเหล่านักขี่รถจักรยานยนต์จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเข้าใจและเข้าถึงในสิ่งที่นักขี่ต้องการจากรถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด คู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมทั้งด้านการออกแบบทางวิศวกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมทั้ง DNA เฉพาะตัวที่ทำให้รถจักรยานยนต์อันเป็นที่รักของไทรอัมพ์นั้นเป็นรถคันพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ทั้งฐานลูกค้าใหม่ และเหล่าแฟนคลับไทรอัมพ์ที่มีอยู่ทั่วโลก
ออกแบบแนวคิดสู่โมเดลรถจักรยานยนต์ต้นแบบ
ต่อมาคือกระบวนการทำงานร่วมกับทีมนักออกแบบทางวิศวกรรมผู้เชี่ยวชาญ เริ่มต้นจากสร้างเค้าโครงการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ โครงรถ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งแบบร่างสไตล์การตกแต่งและโมเดลปั้น จากนั้นจะทำการประเมินสมรรถนะของเครื่องยนต์และชุดเกียร์ รวมทั้งคาดการณ์กำลัง และแรงบิดด้วยโปรแกรมจำลองบนคอมพิวเตอร์ และทำการทดสอบเครื่องยนต์ต้นแบบ ในระหว่างนี้ก็จะยังคงสอบถามความคิดเห็นของเหล่าผู้ที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง คือ “ลูกค้า” ส่วนภาพร่างสไตล์การตกแต่งที่วาดด้วยมือ จะเป็นตัวกำหนดธีม สัดส่วน และ ‘สัมผัส’ ของแนวคิดของรถจักรยานยนต์ ในระหว่างขั้นตอนของการวางแนวคิดทั้งหมดนี้ ทีมงานออกแบบจะพัฒนาภาพร่างของรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำหนดสไตล์โดยรวม และดีไซน์เฉพาะของส่วนประกอบแต่ละชิ้น เพื่อให้รถจักรยานยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด
เข้าสู่กระบวนการดีไซน์เติมเต็มเอกลักษณ์จักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ
ขั้นตอนการดีไซน์แบบแผนจะนำเอาสเปคและสไตล์ก่อนหน้านี้มาพัฒนาร่วมกับการดีไซน์รถจักรยานยนต์ ไทรอัมพ์จะนำเอาภาพร่างเบื้องต้น และโมเดลปั้นมาพัฒนาเป็นโมเดลต้นแบบขนาดเท่ารถจริง และโมเดลในขั้นตอนนี้ จะต้องมีความสมจริงไม่แตกต่างจากรถจักรยานยนต์ที่จะวางจำหน่ายจริง และไทรอัมพ์ยังพัฒนาโมเดล CAD ของส่วนประกอบทุกชิ้นเป็นโมเดล 3D ควบคู่กันไป รวมถึงพัฒนาสเปคของส่วนประกอบแต่ละชิ้นหรือแต่ละระบบ โดยรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคทั้งหมดที่จำเป็น ซึ่งทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันก่อนหน้าขั้นตอนสำคัญนี้
เจาะลึกทุกรายละเอียดของรถจักรยานยนต์ในทุกกระบวนการทำงาน
เข้าสู่กระบวนการสร้างภาพร่างการออกแบบทางวิศวกรรมเชิงเทคนิค และ CAD สำหรับใช้ในการขึ้นรูปและผลิตส่วนประกอบ เพื่อให้สามารถสร้างเอกสารรายละเอียดการออกแบบทางวิศวกรรมและดีไซน์ทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ ผ่านการสร้างโมเดลจำลอง เพื่อคาดการณ์และปรับแต่งสมรรถนะของระบบ โดยไม่จำเป็นต้องผลิตหรือทดสอบส่วนประกอบนั้นจริง ๆ โดยขั้นตอนนี้ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดอีกต่อไป โดยจะกลายมาเป็นงานดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบซึ่งพร้อมสำหรับการผลิต
เดินหน้าสู่การทดสอบและพัฒนาเต็มรูปแบบ
รถจักรยานยนต์ทุกคันที่ผลิต จะต้องผ่านการทดสอบนับร้อยรายการในแต่ละขั้นตอนของการพัฒนาและยืนยันแบบการผลิต การทดสอบเหล่านี้มีไว้เพื่อพิสูจน์การทำงานของส่วนประกอบ ความทนทาน และความน่าไว้วางใจ รวมทั้งจะมีการพัฒนาการปรับจูนเครื่องยนต์ การทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ การจัดการโครงรถ และการตั้งค่าระบบกันสะเทือน การพัฒนาความสะดวกสบายและหลักสรีระศาสตร์ ระยะการวิ่งบนถนน ความทนทานในการวิ่งความเร็วสูงในสนามแข่ง การทดสอบ Pavé การทดสอบออฟโรด (ขึ้นอยู่กับรุ่น) การพัฒนาระบบควบคุมการยึดเกาะถนน และ ABS ซึ่งในขั้นตอนสุดท้ายของการออกแบบและพัฒนา จะผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อทดสอบรุ่นก่อนผลิตจริงสูงสุด 60 คัน เพื่อยืนยันดีไซน์ส่วนประกอบและกระบวนการผลิต โดยทั่วไปแล้วสำหรับโปรเจคใหม่ รถจักรยานยนต์ทุกคันในกระบวนการนี้ จะต้องผ่านการทดสอบ Whole Vehicle Test กว่า 55 รายการซึ่งจะถูกเช็คซ้ำตลอดขั้นตอนการพัฒนา
มุ่งสู่การผลิตเพื่อออกวางจำหน่ายไปทั่วโลก
นับจากขั้นตอนการรวบรวมแนวคิด ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานสองถึงสามปี แต่ในขั้นตอนนี้ หลังจากใช้เวลานับพันชั่วโมงไปกับการดีไซน์ การออกแบบทางวิศวกรรม การทดสอบ และการทดสอบเพิ่มเติม ซึ่งหากผ่านกระบวนการอนุมัติที่มีเงื่อนไขอันเข้มงวดของไทรอัมพ์ไปได้ ก็พร้อมที่จะเริ่มต้นการผลิตเพื่อวางจำหน่ายต่อไป
และทั้งหมดนี้ คือกระบวนการผลิตที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนของรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทุกรุ่น ที่ได้เผยให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการพัฒนารถจักรยานยนต์ต้นแบบที่ก้าวทันตามยุคสมัยให้ทุกคนได้ยลโฉม และครอบครองเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิใจ ไปพร้อมกับความตั้งใจของไทรอัมพ์ที่ต้องการตอบโจทย์ตลาดรถจักรยานยนต์ที่ตรงใจนักขับขี่ทุกเซกเมนต์ ล่าสุดจึงมุ่งพัฒนาต้นแบบรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างรถจักรยานยนต์รุ่น “สปีด 400” (Speed 400) และ “สแครมเบลอร์ 400 เอ็กซ์” (Scrambler 400 X) น้องใหม่ล่าสุดที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมงานจาก Triumph ในประเทศอังกฤษ ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดเช่นเดียวกับรุ่นที่โด่งดังที่สุดของไทรอัมพ์ที่สร้างการจดจำได้ทันที ทั้งรูปทรงและการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้นจนจบด้วยแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สูบเดี่ยวใหม่ล่าสุดที่เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมมีฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 รุ่น เตรียมส่งตรงมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก และคล่องตัวกว่าเดิม รวมถึงยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักขับขี่สัมผัสถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตำนานรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่น “สปีด 400” (Speed 400) ราคา 157,900 บาท และ “สแครมเบลอร์ 400 เอ็กซ์” (Scrambler 400 X) ราคา 179,900 บาท เตรียมเปิดให้ยลโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 พร้อมเปิดรับจองภายในงานที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ บูธไทรอัมพ์ G13 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี